ลักษณะ

“อุดมทัศนีย์” ของสุนัขพันธุ์บางแก้ว คำว่าอุดมทัศนีย์ โดยความหมายว่า “ความพอใจอันสูงสุดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” อุดมทัศนีย์ของพืช-สัตว์ จะต้องปรับปรุงสูงขึ้นตลอดเวลาสุนัขพันธุ์บางแก้วเมื่อได้วางมาตรฐานพันธุ์ไว้ในระดับหนึ่งมาแล้วก็จะต้องมีอุดมทัศนีย์ ที่จะปรับมาตรฐานให้สูงขึ้นได้ชื่อว่าเป็นการพัฒนาคุณลักษณะของสุนัขพันธุ์บางแก้ว ในปัจจุบันยังคงมีลักษณะรูปแบบอันหลากหลายที่ควรจะมีการกำหนดให้อยู่ในขอบเขตของลักษณะสุนัขพันธุ์แท้หรือสายเลือดที่นิ่งแล้วคือรูปแบบที่จำกัด หรือที่เรียกว่าลักษณะเดียว พ่อ-แม่ มีลักษณะอย่างไร ลูกที่ออกมาจะต้องมีส่วนคล้ายคลึงไปทางพ่อหรือแม่ผู้ให้กำเนิดที่ได้ถ่ายถอดทางกรรมพันธุ์
          ลักษณะเด่นของสุนัขพันธุ์บางแก้วที่แท้จริง
                   1. ใบหน้าแบบหน้าสุนัขจิ้งจอก เป็นสุนัขที่มีหัวกะโหลกเล็กกว่าแบบหน้าเสือ แต่ใหญ่กว่าแบบหน้าสิงโต หัวกะโหลกมีขนาดปานกลาง ใบหูใหญ่กว่าแบบสิงโตและแบบหน้าเสือ ปากแหลมยาว ขนหางยาวเป็นพวง ใบหูเอนไปด้านข้าง
                   2. ใบหน้าแบบหน้าสิงโต สุนัขพันธุ์บางแก้วที่มีใบหน้าเหมือนสิงโต จะมีกะโหลกเล็กกว่าแบบหน้าเสือปากจะสั้นไม่เรียวแหลม หูค่อนข้างเล็ก เป็นรูปสามเหลี่ยม โคนหูจะชิดกันปลายหูป้องไปข้างหน้าเล็กน้อยแปลกกว่าชนิดอื่นตรงที่มีเคราหรือขนไต้คางห้อยยาวลงมาถึงลูกกระเดือก หางมีทั้งม้วนสูง และม้วนต่ำเท้าเล็กแบบแมว
                   3. ใบหน้าแบบเสือสุนัขที่มีลักษณะหน้าคล้ายหน้าเสือนี้ หัวกะโหลกใหญ่หน้าผากกว้าง ที่ตั้งของโคนหูทั้งสองข้างห่างกัน ปลายหูเบนไปด้านข้างเล็กน้อย ตามีสีเหลืองคล้ำ  ม่านตาสีดำ มีแววตาเชื่องซึมคล้ายเสือ ขนแผงคอคล้ายม้าสุนัขพันธุ์บางแก้วที่มีลักษณะเด่นนี้จะดุกว่าพันธุ์อื่นๆ

ลักษณะประจำพันธุ์ของสุนัขพันธุ์บางแก้ว

          ขนาด สุนัขพันธุ์บางแก้วมีขนาดเท่าสุนัขไทยหรือเล็กกว่าเล็กน้อยไม่อ้วนรูปร่างเพรียวพ่อพันธุ์ มีความสูงที่ไหล่เฉลี่ย 38-48 เซนติเมตร ตัวเมียแม่พันธุ์มีความสูงที่ไหล่ 38-48 เซนติเมตร
          สี มีหลายสี เช่น ดำ หลอดน้ำตาล น้ำตาลขาว ขาวดำ ขาวปลอดดำ สีด่างพื้น ขาวสลับดำ และสีด่างพื้นขาวสลับน้ำตาล แต่สีที่นิยมอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ สีน้ำตาลขาว เป็นสีที่ขายดีที่สุด ส่วนสีอื่นๆ ก็เลือกซื้อตามความชอบของแต่ละบุคคล
          ขน  ลูกสุนัขจะมีขนยาวปานกลางขึ้นแน่นทั่วตัวเป็นปุยนิ่ม สุนัขหนุ่มสาวที่โตเต็มที่แล้วขนที่กลางขึ้นแน่นทั่วตัวเป็นปุยนิ่ม สุนัขหนุ่มสาวที่โตเต็มที่แล้วขนที่กลางหลังตั้งแต่ท้ายทอยไปจนถึงโคนหางจะยาวกว่าขนบริเวณอื่นๆ สำหรับตัวผู้ขนแผงคอจะยาวน่าเกรงขาม มองดูเหมือนแผงคอม้า เวลาโกรธหรือขู่ศัตรูขนแผงคอจะตั้งชั้น มองดูน่าเกรงขามแขวงด้วยความน่ารัก

          ปาก เรียวแหลมเป็นรูปสามเหลี่ยมคอนข้างเล็กได้สัดส่วนกับกะโหลกหัว
          ฟัน ฟันต้องแข็งแรงมีเขี้ยวแหลมคมข้างบน 2 ซี่ล่าง 2 ซี่ ฟันหน้าข้างบนและล่างประกอบกันพอดี ที่ขอบฟันเสมอกันและฟันต้องมีครบทั้ง 42 ซี่ แยกเป็นฟันบน 20 ซี่ ฟันล่าง 22 ซี่
          ตา ลักษณะเหมือนตาเหยี่ยว พื้นลูกนัยน์ตาค่อนข้างเหลือง หรืออาจจะเหลืองปนเทาแต่ถ้าเห็นคนแปลกหน้าหรือศัตรูจะเปลี่ยนเป็นสีเขียววาวทันที
          หู มีทั้งขนาดใหญ่และปานกลาง ใบหูมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายค่อนข้างแหลม ตั้งป้องไปข้างหน้า มีขนปกคลุม ปลายหูเบนไปข้างเล็กน้อย โคนหูห่างจากกันมากกว่าสุนัขทั่วๆ ไป และปลายหูเบนเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ใช้สังเกตว่าเป็นสุนัขพันธุ์บางแก้ว
          หาง ต้องมีลักษณะเด่นตามพ่อพันธุ์เดิม ขนเป็นพวงตั้งงอบนหลังคล้ายหางสุนัขจิ้งจอก แบ่งย่อยได้ 3 แบบคือ
          1. ปลายหางโค้งไปทางด้านหน้าหลัง
          2. ปลายหางพุ่มไปทางด้านแล้วโค้งกลับมาทางด้านหน้า คล้ายสุนัขพันธุ์ไทยหางดาบแต่ด้วยเหตุผลที่ขนยาวมีมาก จึงทำให้ปลายหางห้อยไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
          3. หางสวยงามแบบพ่อพันธุ์สุนัขจิ้งจอก คือ หางจะเหยียดไปทางด้านหลัง ปลายโค้งขึ้นเล็กน้อย ขนยาวเป็นพวงเหมือนหางม้า เวลาดีใจจะยกหางขึ้นเหมือนหางจิ้งจอก
          ขา  ช่วงขาหน้าใหญ่กว่าขาหลัง ส่วนบนหนาใหญ่และเรียวลงมาทางด้านล่าง เวลายืนหรือเคลื่อนไหวจะทรงตัวได้ดีมากขาหลังมีทั้งตรงและเกือบตรงทั้งขาหน้าและขาหลังมองดูแล้วคล้ายขาสิงโต
          เท้า ค่อนข้างเล็กกว่าสุนัขพันธุ์ไทยทั่วไป ในท่ายืนปกติลักษณะนิ้วเท้าสั้น  ทำให้ดูเท้ากลม ลักษณะเหมือนเท้าแมว แต่แข็งแรงทั้งเท้าหน้าและเท้าหลัง มีนิ้วข้างละ 4 นิ้ว และเรียงชิดกันข้างละ 4 นิ้ว และเรียงชิดกันมีระเบียบ ขนบริเวณปลายเท้าทั้ง 4 ยาวหุ้มเล็บ
          ลิ้น ต้องเป็นสีชมพูไม่มีปานดำเหมือนสุนัขพันธุ์ไทยทั่วไป
          จมูก ที่พบส่วนใหญ่สีดำ
          ลำตัว ช่วงหน้าใหญ่แต่ช่วงท้ายเล็กลง เอวจะไม่คอดเท่าสุนัขพันธุ์ไทยทั่วไป ลำตัวหนาปานกลาง อกลึกปานกลาง มองดูคล้ายรูปร่างสิงโต
          น้ำหนัก โดยเฉลี่ยทั่วไป ตัวผู้จะมีน้ำหนักประมาณ 14-16 กิโลกรัม ตัวเมียจะมีน้ำหนักประมาณ 13-15 กิโลกรัม
          หัว มีอยู่ 2 ชนิดคือ กะโหลกขนาดใหญ่คล้ายสิงโตและขนาดปานกลาง

มาตรฐานสุนัขบางแก้ว
          ส่วนหน้า
          หัว ค่อนข้างใหญ่ได้สัดส่วนกับลำตัว ดั้งจมูก (Stop) มุมหักเล็กน้อย
          จมูก มีสีดำ ขนาดได้สัดส่วนกับปาก
          ปาก ยาวปานกลางโคนปากใหญ่เรียวจรดปลายจมูก
          ฟัน เล็กและแหลมคม ขบกันแนบสนิทแบบกรรไกร (Scissors Bite) โดยฟันบนเกยอยู่ด้านนอก อนุโลมให้ขบฟันเสมอกันดี อนุโลมให้ฟันขบเสมอกันดี สุนัขโตควรมีฟันครบ 42 ซี่
          ตา เล็ก คล้ายเมล็ดอัลมอนด์ มีสีน้ำตาลเข้ม
          หู รูปสามเหลี่ยม มีขนาดเล็กได้สัดส่วนกับหัว ตั้งป้องไปข้างหน้า มีขนอ่อนที่กกหูและหลังใบหู
          คอ ใหญ่ ล่ำสัน รับกับหัวและช่วงไหล มีแผงขนยาวรอบคอ
          หลัง เส้นหลังตรง
          อก  กว้างและลึกได้
          สะโพก ใหญ่และแข็งแรง ส่วนหลังมีขนยาวลามมาจนถึงข้อขาหลังท่อนบน
          หาง โคนหางใหญ่ขนหางเป็นพวง ปลายโค้งเข้าหาเส้นหลัง
          ขาหน้า  ใหญ่กว่าขาหลัง เวลายืนเหยียดตรงและขนานกัน ข้อเท้าสั้น ทำมุมเฉียงเล็กน้อย หลังขามีขนยาวลักษณะคล้ายแข้งสิงห์
          ขาหลัง เล็กกว่าขาหน้า เวลายืนทำมุมพอเหมาะมองจากด้านหลังข้อเท้าหลังตั้งได้ฉากและขนานกัน
          เท้า อุ้งเท้ากลมคล้ายอุ้งเท้าแมว มีขนยาวคลุมนิ้วเท้า


ขนาด/น้ำหนัก
          ความสูง เพศผู้ สูง 19-21 (48-53 ซ.ม.) เพศเมียสูง 17-19 นิ้ว (43-48 ซ.ม.) อนุโลมให้สูงและต่ำกว่านี้ได้ 0.50 นิ้ว (1.2 ซ.ม.)
          น้ำหนัก เพศหนัก 19-21 กิโลกรัม เพศเมียหนัก 16-18 กิโลกรัม

 ขน/สีขน

          ขน ยาวปานกลางมี 2 ชั้น ชั้นในละเอียดอ่อนนุ่มชั้นนอกเส้นใหญ่เหยียดตรง ยางคลุมบริเวณแผ่นหลัง
          สี ขาว-น้ำตาล ขาว-ดำ ขาว-เทา