ประวัติความเป็นมา

          บางแก้วเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก สภาพของหมู่บ้าน ตั้งอยู่บนฝั่งคลองบางแก้วพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ในฤดูฝนน้ำจะท่วมทุกปี ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำไร่ ทำสวน และจับปลา ความเป็นมาตั้งแต่อดีต-จนถึงปัจจุบัน สมัยนั้นบ้านบางแก้วยังเป็นถิ่นฐานที่ทุรกันดารมาก ความเจริญยังไม่เข้าถึง สภาพพื้นที่ในหมู่บ้านยังเป็นป่าดงดิบ มีต้นไม้นานาพรรณอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น พง แขม และไผ่ แต่ที่ดูแปลกตาหรือมีมากกว่าพันธุ์ไม้อย่างอื่น ก็คือ ต้นระกำ หรือคนในสมัยนั้นเรียกว่าป่าระกำ ด้วยเหตุนี้เองชาวบ้านในพื้นที่นี้ จึงตั้งชื่อ อำเภอบางระกำ นอกจากนี้แล้วในสมัยนั้นยังมีสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เช่น เก้ง กวาง ชะนี และสุนัขจิ้งจอก

          ต่อมาเมื่อมีผู้คนเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้มากขึ้นพวกเขาจึงได้ช่วยกันสร้างวัดโดยใช้วัสดุง่ายๆ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น ซึ่งเรียกว่า วัดบางแก้ว โดยมีหลวงปู่มาก เมธาวี เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัด ในขณะนั้นในแถบนั้นกล่าวขานกันว่าท่านเป็นนักเทศน์ที่สามารถเทศน์แสดงธรรมได้อย่างยอดเยี่ยม และท่านยังมีวิชาอาคมที่เลื่องชื่อลือไกลท่านมีเมตตาและจิตโอบอ้อมอารีต่อสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในวัดเป็นอย่างมาก มีชาวบ้านในแถบนั้นเล่าให้ฟังว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตานิ่มเป็นชาวบ้านที่อยู่เหนือวัดบางแก้วขึ้นไป  เขาเป็นคนนับถือหลวงปู่มากได้นำสุนัขตัวเมียพันธุ์ใหญ่ ขนยาวสีดำ สวยงามมากมาให้หลวงปู่ตัวหนึ่ง พอถึงเดือนสิบสองแม่สุนัขเริ่มเป็นสัด(เป็นสัดหมายถึงอาการที่สุนัขพร้อมที่จะผสมพันธุ์) ได้ไปผสมพันธุ์กับสุนัขจิ้งจอกข้างนอกวัดทำให้มีลูกสุนัขครอกแรก ขนยาวสีดำปนสีประดู่ มีรูปร่างขนาดใหญ่ติดแม่ ปากแหลมค่อนข้างยาว หางเป็นพวงติดไปทางพ่อลูกสุนัขที่เกิดใหม่จึงมีลักษณะเด่นทั้งพ่อและแม่รวมกัน ต่อมาได้มีชาวบ้านจากจังหวัดอ่างทอง สุพรรณบุรี และนครปฐม ได้อพยพมาอยู่ในหมู่บ้านบางแก้วกันมากขึ้น จึงทำให้หมู่บ้านที่เคยเงียบสงัดคึกคักและเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว สุนัขก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสุนัขของหลวงปู่ผสมกับสุนัขต่างถิ่น จึงทำให้สายพันธุ์ระหว่างสุนัขป่ากับสุนัขบ้านจางลงมาทางสุนัขบ้านมากขึ้น ในปัจจุบันสุนัขบางแก้วได้กระจายไปอยู่เกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทยแล้ว โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ ได้มีนักเลี้ยงสุนัขเป็นจำนวนมาก ส่วนที่รองลงมามีชลบุรี ภูเก็ต และอีกหลายๆ จังหวัดในประเทศไทย           สุนัขไทย พันธุ์บางแก้ว ของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นสุนัขไทยพันธุ์เดียวในประเทศไทยที่มีขนยาวอ่อนนิ่มลักษณะของขนเป็นสองชั้น ขนหางเป็นพวงคล้ายสุนัขป่า มีขนยาวตามหน้าอกและลำคอเป็นแผงคล้ายขนแผงของสิงโตมีขนแผงยาวกลางหลัง ขนที่หลังขาหน้ายาวตลอดคล้ายขนของขาสิงห์ในวรรณคดีขาหลังก็มีบ้างแต่ยาวน้อยกว่าขาหน้า มีขนในใบหูและรอบๆ กกหูมีขนตายาวตามนิ้วอุ้งเท้า ซึ่งความแตกต่างจากสุนัขไทย พื้นบ้านที่มีมาแต่เดิม มีอุปนิสัยที่มีความปราดเปรียวว่องไว เฉลียวฉลาดซื่อสัตย์รักเจ้าของ รักถิ่นฐาน ฝึกหัดให้เชื่อฟังคำสั่งได้ดีไม่แพ้สุนัขใช้งานของต่างประเทศมีนิสัยค่อนข้าง

ลักษณะ

“อุดมทัศนีย์” ของสุนัขพันธุ์บางแก้ว คำว่าอุดมทัศนีย์ โดยความหมายว่า “ความพอใจอันสูงสุดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” อุดมทัศนีย์ของพืช-สัตว์ จะต้องปรับปรุงสูงขึ้นตลอดเวลาสุนัขพันธุ์บางแก้วเมื่อได้วางมาตรฐานพันธุ์ไว้ในระดับหนึ่งมาแล้วก็จะต้องมีอุดมทัศนีย์ ที่จะปรับมาตรฐานให้สูงขึ้นได้ชื่อว่าเป็นการพัฒนาคุณลักษณะของสุนัขพันธุ์บางแก้ว ในปัจจุบันยังคงมีลักษณะรูปแบบอันหลากหลายที่ควรจะมีการกำหนดให้อยู่ในขอบเขตของลักษณะสุนัขพันธุ์แท้หรือสายเลือดที่นิ่งแล้วคือรูปแบบที่จำกัด หรือที่เรียกว่าลักษณะเดียว พ่อ-แม่ มีลักษณะอย่างไร ลูกที่ออกมาจะต้องมีส่วนคล้ายคลึงไปทางพ่อหรือแม่ผู้ให้กำเนิดที่ได้ถ่ายถอดทางกรรมพันธุ์
          ลักษณะเด่นของสุนัขพันธุ์บางแก้วที่แท้จริง
                   1. ใบหน้าแบบหน้าสุนัขจิ้งจอก เป็นสุนัขที่มีหัวกะโหลกเล็กกว่าแบบหน้าเสือ แต่ใหญ่กว่าแบบหน้าสิงโต หัวกะโหลกมีขนาดปานกลาง ใบหูใหญ่กว่าแบบสิงโตและแบบหน้าเสือ ปากแหลมยาว ขนหางยาวเป็นพวง ใบหูเอนไปด้านข้าง
                   2. ใบหน้าแบบหน้าสิงโต สุนัขพันธุ์บางแก้วที่มีใบหน้าเหมือนสิงโต จะมีกะโหลกเล็กกว่าแบบหน้าเสือปากจะสั้นไม่เรียวแหลม หูค่อนข้างเล็ก เป็นรูปสามเหลี่ยม โคนหูจะชิดกันปลายหูป้องไปข้างหน้าเล็กน้อยแปลกกว่าชนิดอื่นตรงที่มีเคราหรือขนไต้คางห้อยยาวลงมาถึงลูกกระเดือก หางมีทั้งม้วนสูง และม้วนต่ำเท้าเล็กแบบแมว
                   3. ใบหน้าแบบเสือสุนัขที่มีลักษณะหน้าคล้ายหน้าเสือนี้ หัวกะโหลกใหญ่หน้าผากกว้าง ที่ตั้งของโคนหูทั้งสองข้างห่างกัน ปลายหูเบนไปด้านข้างเล็กน้อย ตามีสีเหลืองคล้ำ  ม่านตาสีดำ มีแววตาเชื่องซึมคล้ายเสือ ขนแผงคอคล้ายม้าสุนัขพันธุ์บางแก้วที่มีลักษณะเด่นนี้จะดุกว่าพันธุ์อื่นๆ

ลักษณะประจำพันธุ์ของสุนัขพันธุ์บางแก้ว

          ขนาด สุนัขพันธุ์บางแก้วมีขนาดเท่าสุนัขไทยหรือเล็กกว่าเล็กน้อยไม่อ้วนรูปร่างเพรียวพ่อพันธุ์ มีความสูงที่ไหล่เฉลี่ย 38-48 เซนติเมตร ตัวเมียแม่พันธุ์มีความสูงที่ไหล่ 38-48 เซนติเมตร
          สี มีหลายสี เช่น ดำ หลอดน้ำตาล น้ำตาลขาว ขาวดำ ขาวปลอดดำ สีด่างพื้น ขาวสลับดำ และสีด่างพื้นขาวสลับน้ำตาล แต่สีที่นิยมอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ สีน้ำตาลขาว เป็นสีที่ขายดีที่สุด ส่วนสีอื่นๆ ก็เลือกซื้อตามความชอบของแต่ละบุคคล
          ขน  ลูกสุนัขจะมีขนยาวปานกลางขึ้นแน่นทั่วตัวเป็นปุยนิ่ม สุนัขหนุ่มสาวที่โตเต็มที่แล้วขนที่กลางขึ้นแน่นทั่วตัวเป็นปุยนิ่ม สุนัขหนุ่มสาวที่โตเต็มที่แล้วขนที่กลางหลังตั้งแต่ท้ายทอยไปจนถึงโคนหางจะยาวกว่าขนบริเวณอื่นๆ สำหรับตัวผู้ขนแผงคอจะยาวน่าเกรงขาม มองดูเหมือนแผงคอม้า เวลาโกรธหรือขู่ศัตรูขนแผงคอจะตั้งชั้น มองดูน่าเกรงขามแขวงด้วยความน่ารัก

          ปาก เรียวแหลมเป็นรูปสามเหลี่ยมคอนข้างเล็กได้สัดส่วนกับกะโหลกหัว
          ฟัน ฟันต้องแข็งแรงมีเขี้ยวแหลมคมข้างบน 2 ซี่ล่าง 2 ซี่ ฟันหน้าข้างบนและล่างประกอบกันพอดี ที่ขอบฟันเสมอกันและฟันต้องมีครบทั้ง 42 ซี่ แยกเป็นฟันบน 20 ซี่ ฟันล่าง 22 ซี่
          ตา ลักษณะเหมือนตาเหยี่ยว พื้นลูกนัยน์ตาค่อนข้างเหลือง หรืออาจจะเหลืองปนเทาแต่ถ้าเห็นคนแปลกหน้าหรือศัตรูจะเปลี่ยนเป็นสีเขียววาวทันที
          หู มีทั้งขนาดใหญ่และปานกลาง ใบหูมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายค่อนข้างแหลม ตั้งป้องไปข้างหน้า มีขนปกคลุม ปลายหูเบนไปข้างเล็กน้อย โคนหูห่างจากกันมากกว่าสุนัขทั่วๆ ไป และปลายหูเบนเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ใช้สังเกตว่าเป็นสุนัขพันธุ์บางแก้ว
          หาง ต้องมีลักษณะเด่นตามพ่อพันธุ์เดิม ขนเป็นพวงตั้งงอบนหลังคล้ายหางสุนัขจิ้งจอก แบ่งย่อยได้ 3 แบบคือ
          1. ปลายหางโค้งไปทางด้านหน้าหลัง
          2. ปลายหางพุ่มไปทางด้านแล้วโค้งกลับมาทางด้านหน้า คล้ายสุนัขพันธุ์ไทยหางดาบแต่ด้วยเหตุผลที่ขนยาวมีมาก จึงทำให้ปลายหางห้อยไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
          3. หางสวยงามแบบพ่อพันธุ์สุนัขจิ้งจอก คือ หางจะเหยียดไปทางด้านหลัง ปลายโค้งขึ้นเล็กน้อย ขนยาวเป็นพวงเหมือนหางม้า เวลาดีใจจะยกหางขึ้นเหมือนหางจิ้งจอก
          ขา  ช่วงขาหน้าใหญ่กว่าขาหลัง ส่วนบนหนาใหญ่และเรียวลงมาทางด้านล่าง เวลายืนหรือเคลื่อนไหวจะทรงตัวได้ดีมากขาหลังมีทั้งตรงและเกือบตรงทั้งขาหน้าและขาหลังมองดูแล้วคล้ายขาสิงโต
          เท้า ค่อนข้างเล็กกว่าสุนัขพันธุ์ไทยทั่วไป ในท่ายืนปกติลักษณะนิ้วเท้าสั้น  ทำให้ดูเท้ากลม ลักษณะเหมือนเท้าแมว แต่แข็งแรงทั้งเท้าหน้าและเท้าหลัง มีนิ้วข้างละ 4 นิ้ว และเรียงชิดกันข้างละ 4 นิ้ว และเรียงชิดกันมีระเบียบ ขนบริเวณปลายเท้าทั้ง 4 ยาวหุ้มเล็บ
          ลิ้น ต้องเป็นสีชมพูไม่มีปานดำเหมือนสุนัขพันธุ์ไทยทั่วไป
          จมูก ที่พบส่วนใหญ่สีดำ
          ลำตัว ช่วงหน้าใหญ่แต่ช่วงท้ายเล็กลง เอวจะไม่คอดเท่าสุนัขพันธุ์ไทยทั่วไป ลำตัวหนาปานกลาง อกลึกปานกลาง มองดูคล้ายรูปร่างสิงโต
          น้ำหนัก โดยเฉลี่ยทั่วไป ตัวผู้จะมีน้ำหนักประมาณ 14-16 กิโลกรัม ตัวเมียจะมีน้ำหนักประมาณ 13-15 กิโลกรัม
          หัว มีอยู่ 2 ชนิดคือ กะโหลกขนาดใหญ่คล้ายสิงโตและขนาดปานกลาง

มาตรฐานสุนัขบางแก้ว
          ส่วนหน้า
          หัว ค่อนข้างใหญ่ได้สัดส่วนกับลำตัว ดั้งจมูก (Stop) มุมหักเล็กน้อย
          จมูก มีสีดำ ขนาดได้สัดส่วนกับปาก
          ปาก ยาวปานกลางโคนปากใหญ่เรียวจรดปลายจมูก
          ฟัน เล็กและแหลมคม ขบกันแนบสนิทแบบกรรไกร (Scissors Bite) โดยฟันบนเกยอยู่ด้านนอก อนุโลมให้ขบฟันเสมอกันดี อนุโลมให้ฟันขบเสมอกันดี สุนัขโตควรมีฟันครบ 42 ซี่
          ตา เล็ก คล้ายเมล็ดอัลมอนด์ มีสีน้ำตาลเข้ม
          หู รูปสามเหลี่ยม มีขนาดเล็กได้สัดส่วนกับหัว ตั้งป้องไปข้างหน้า มีขนอ่อนที่กกหูและหลังใบหู
          คอ ใหญ่ ล่ำสัน รับกับหัวและช่วงไหล มีแผงขนยาวรอบคอ
          หลัง เส้นหลังตรง
          อก  กว้างและลึกได้
          สะโพก ใหญ่และแข็งแรง ส่วนหลังมีขนยาวลามมาจนถึงข้อขาหลังท่อนบน
          หาง โคนหางใหญ่ขนหางเป็นพวง ปลายโค้งเข้าหาเส้นหลัง
          ขาหน้า  ใหญ่กว่าขาหลัง เวลายืนเหยียดตรงและขนานกัน ข้อเท้าสั้น ทำมุมเฉียงเล็กน้อย หลังขามีขนยาวลักษณะคล้ายแข้งสิงห์
          ขาหลัง เล็กกว่าขาหน้า เวลายืนทำมุมพอเหมาะมองจากด้านหลังข้อเท้าหลังตั้งได้ฉากและขนานกัน
          เท้า อุ้งเท้ากลมคล้ายอุ้งเท้าแมว มีขนยาวคลุมนิ้วเท้า


ขนาด/น้ำหนัก
          ความสูง เพศผู้ สูง 19-21 (48-53 ซ.ม.) เพศเมียสูง 17-19 นิ้ว (43-48 ซ.ม.) อนุโลมให้สูงและต่ำกว่านี้ได้ 0.50 นิ้ว (1.2 ซ.ม.)
          น้ำหนัก เพศหนัก 19-21 กิโลกรัม เพศเมียหนัก 16-18 กิโลกรัม

 ขน/สีขน

          ขน ยาวปานกลางมี 2 ชั้น ชั้นในละเอียดอ่อนนุ่มชั้นนอกเส้นใหญ่เหยียดตรง ยางคลุมบริเวณแผ่นหลัง
          สี ขาว-น้ำตาล ขาว-ดำ ขาว-เทา

การเลี้ยงดู

สุนัขพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขที่มีนิสัยคอนข้างแปลกไปกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ คือ เป็นมิตรกับคนไม่เกิน 2 คน มีเจ้าของผู้เลี้ยงดูกับคนใกล้ชิด ด้วยเหตุนี้เองจึงมีชาวพิษณุโลก กล่าวขานว่า สุนัขบางพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขที่มีนิสัยดุร้ายต้อสู้ แม้กระทั่งสุนัขที่โตกว่ามากๆ ใครอย่าเข้าไปแตะต้องตัวหรือเข้าใกล้อย่างเด็ดขาดดีไม่ดีสุนัขอาจจะกัดเอาง่ายๆ ถ้าหากว่านท่านเลี้ยงสุนัขในบ้านไว้หลายๆ พันธุ์แต่ท่านไปสนใจสุนัขพันธุ์อื่นก่อน เมื่อลับหลังเจ้าของสุนัขพันธุ์บางแก้วจะเข้าไปกัดหรือเล่นงานสุนัขพันธุ์อื่นทันที แต่สุนัขพันธุ์นี้มีความจงรักภักดีต่อเจ้าของเป็นเยี่ยม มีความจำดีมากเหมือนนกพิราบแข่ง แต่มีนิสัยขี้อิจฉา ชอบเรียกร้องความสนใจอยากได้การตอบสนองจากเจ้าของก่อนสุนัขพันธุ์อื่นๆ สุนัขบางแก้วเป็นสุนัขที่มีนิสัยรักความสะอาด แต่กำเนิดที่อยู่แพหรือน้ำท่วมบ้านในฤดูฝนสุนัขพันธุ์บางแก้วจะว่ายน้ำไปถ่ายตามจอมปลวกหรือท่าน้ำที่มีขอนไม้ผูกไว้สำหรับขึ้นบ้านโดยไม่จำเป็นต้องมีการฝึกฝนแต่อย่างใด สุนัข สุนัขพันธุ์บางแก้วชอบอาน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อนจัดสุนัขพันธุ์บางแก้วจะลงเล่นน้ำวันละ 2-3 ครั้ง โดยประมาณ เดิมหมู่บ้านบางแก้วอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำ ในฤดูน้ำหลากต้องใช้เรือพายสัญจรไปมา ส่วนสุนัขก็ไม่สามารถขึ้นเรือได้ถนัดจึงว่ายน้ำในฤดูน้ำหลากต้องใช้เรือพายสัญจรไปมา ส่วนสุนัขก็ไม่สามารถขึ้นเรือได้ถนัดจึงว่ายน้ำไปมาข้ามฝั่งได้อย่างคล่องแคล่ว จึงเป็นเหตุให้สุนัขพันธุ์นี้ชอบกระโดดโลดเต้นลงในน้ำบ่อยๆ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด หรือระบายความร้อนและยังช่วยทำความสะอาดร่างกายจากการเปื้อนดินโคลนอีกทางหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เองที่ปลูกนิสัยให้สุนัขพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขที่รักความสะอาดนอกจากนี้เวลาขับถ่ายสุนัขพันธุ์บางแก้วยังไม่ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะเรี่ยราด ถ้ากำลังนอนเล่นในบ้านเมื่อถึงเวลาก็จะออกไปถ่ายนอกบ้านทันทีการเลี้ยงลูกสุนัขบางแก้ว
          การดูแลลูกสุนัขบางแก้วให้มีสุขภาพดีและสมบูรณ์เป็นยอดปรารถนาของเจ้าของผู้รักสุนัขบางแก้ว ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี นอกจากให้อาหารที่ดีแล้วท่านต้องเล่นกับมันด้วย ให้เกิดความคุ้นเคย การจับลูบหัว การอุ้ม หรือ การอาบน้ำให้ และการวิ่งเล่นในสนาม จะทำให้เราทราบความผิดปกติของลูกสุนัขได้ ขอให้เราเป็นผู้ที่ช่างสังเกต และหากมีเวลาเราต้องตรวจดูว่ามีความผิดปกติอะไรบ้าง และต้องแก้ไขอย่างไร การตรวจนั้นเราควรเป็นระบบไปดังนี้


          1. ผิวหนังและขน โดยปกติสุนัขบางแก้ว จะเป็นสุนัขขนยาว จึงไม่ค่อยได้เห็นผิวหนัง นอกจากเปิดดู ถ้าสุนัขบางแก้วนอน เราจะเห็นผิวหนังที่ท้องได้เพราะว่ามีขนน้อย และเป็นจุดอ่อนของสุนัขบางแก้วที่ยุงจะกัดได้ ต้องดูมีผื่นแดงไหม มีจุดเลือดจ้ำๆ หรือไม่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ ขนสุนัขบางแก้วที่ยาวนี้ เจ้าของต้องหวีให้บาง หรือลูบตามรอยขนว่ามีขนร่วมไหมขนหยาบหรือไม่ ช่วงถ่ายขนขนจะร่วงมาก หรือขนหยาบกร้าน เราควรให้ยาบำรุงแกสุนัขด้วย ที่สำคัญเราต้องลูกขนสุนัขย้อนขนขึ้นไป เช่น ลูบขนย้อนไป จากโคนหางไปทางหัว โดยผ่านหลังไหล่และคอ เพื่อดูผิวหนังตรวจดูหมัด และเห็บ ถ้าสุนัขของเราแสดงอาการคันและอ้าปากไปแทะตรงกลางหลัง ทำเช่นนี้บ่อยๆ แสดงว่า มีหมัดแดงอยู่บริเวณกลางหลังแน่นอน บางครั้งจะพบว่าสุนัขใช้ปากแทะจนขนร่วง เมื่อเราเปิดขนดูจะพบหมัดแดงนี้ และบางครั้งเราจะพบว่าสุนัขบางแก้วขนหลุดที่ปลายหาง หรือใช้ปากแทะปลายหางการดูแลรักษาสุนัข
          อาหาร
          อายุ 1-2 เดือน ให้อาหารวันละ 6 ครั้ง
          อายุ 2-3 เดือน ให้อาหารวันละ 5 ครั้ง
          อายุ 3-4 เดือน ให้อาหารวันละ 4 ครั้ง
          อายุ 4-6 เดือน ให้อาหารวันละ 3 ครั้ง
          อายุ 6 เดือน ขึ้นไปให้อาหารวันละ 1-2 ครั้ง
          นอกจากนี้การให้อาหารในแต่ละวันแล้ว ลูกสุนัขยังต้องการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะแคลเซียมเป็นอาหารเสริมที่ได้จากกระดูกสัตว์ ช่วยเสริมให้กระดูกลูกสุนัขแข็งแรงและช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สำคัญที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดเรื้อรัง นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคโปลิโอในลูกสุนัข ส่วนวิตามินเอและวิตามินดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกสุนัขเพื่อเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงให้กับลูกสุนัขและยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ตลอดจนช่วยในการเจริญพันธุ์อีกด้วย สำหรับวิตามินบีรวมช่วยกระตุ้นหรือบำรุงประสาทให้สุนัขตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

          อย่างไรก็ตาม การบำรุงดูแลรักษาลูกสุนัขให้มีสุขภาพดีนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ประการในการให้อาหาร ต้องให้สุนัขกินครบทั้ง 5 หมู่ และต้องให้ลุกสุนัขกินอาหารเสริมในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับการรักษาความสะอาดปกติสุนัขพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขที่ชอบรักษาความสะอาดด้วยตัวเองอยู่แล้ว เรื่องการดูแลรักษาความสะอาดจึงไม่ค่อยเกิดปัญหาเท่าใดนัก

          การดูแลสุนัขบางแก้วให้มีสุขภาพดีและสมบูรณ์เป็นยอดปรารถนาของเจ้าของผู้รักสุนัขบางแก้ว ต้องดูแลเอาใจส่อย่างดี นอกจากให้อาหารที่ดีแล้วท่านต้องเล่นกับมันด้วย ให้เกิดความคุ้นเคย การจับการลูบหัว การอุ้ม หรือ การอาบน้ำให้ และการวิ่งแล่นในสนาม จะทำให้เราทราบความผิดปกติของสุนัขเราได้ ขอให้เราเป็นผู้ที่ช่างสังเกต และหากมีเวลา เราต้องตรวจดูว่ามีความผิดปกติอะไร และต้องแก้ไขอย่างไร การตรวจนั้นเราควรตรวจดังนี้

          1.  ผิวหนังและขน โดยปกติสุนัขบางแก้ว จะเป็นสุนัขขนยาว จึงไม่ค่อยได้เห็นผิวหนัง นอกจากเปิดดูถ้าสุนัขบางแก้วนอน เราจะเห็นผิวหนังที่ท้องได้เพราะว่ามีขนน้อย และเป็นจุดอ่อนของสุนัขที่ยุงกัดได้ ต้องดูมีผื่นแดงไหม มีจุดเลือดจ้ำๆ หรือไม่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ ขนของสุนัขบางแก้วที่ยาวนี้ เจ้าของต้องหวีให้บ้าง หรือลูบตามรอยขนว่ามีร่วงไหมขนหยาบหรือไม่ ช่วงถ่ายขนขนจะร่วงมาก หรือขนหยาบกร้าน เราควรให้ยาบำรุงแก่สุนัข ที่สำคัญเราต้องลูบขนสุนัขย้อนขึ้นไป เช่น ลูบขนย้อนขึ้นไปจากโคนหางไปทางหัว โดยผ่านหลัง ไหล่และคอ เพื่อดูผิวหนังตรวจดูหมัด และเห็บ ถ้าสุนัขของเราแสดงอาการคันและเอาปากไปแทะคันและเอาปากไปแทะตรงกลางหลัง ทำเช่นนี้บ่อยๆ แสดงว่ามีหมัดแดงอยู่บริเวณกลางหลังแน่นอน บางครั้งจะพบว่าสุนัขใช้ปากแทะจนขนร่วง เมื่อเราเปิดขนดูจะพบว่าตัวหมัดแดงนี้ และบางครั้งเราจะพบว่าสุนัขบางแก้วขนหลุดที่ปลายหาง หรือใช้ปากแทะปลายหาง จนเลือดออกเมื่อเปิดขนหางดู จะพบหมัดแดงเช่นกัน นอกจากนี้จะพบได้ที่บริเวณท้องตรงเต้านม เมื่อพบตัวหมัดแดงเหล่านี้ให้ใช้ยาฆ่าหมัด มีทั้งแบบผสมน้ำอาบและแบบใช้สเปย์ฉีด หรือแป้งฝุ่นเคาะตามตัว แล้วลูกแป้งเข้าไปให้ถึงผิวหนังหรืออาจจะต้องใช้ยาฉีดเข้าใต้ผิวหนังต้องไปปรึกษาสัตวแพทย์ ข้อควรระวัง เรามักพบหมัดแดงตามตัวแม่สุนัขที่มีลูกอ่อนการใช้ยาฆ่าหมัดแดงตามตัวต้องใช้ชนิดอ่อนๆ มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อลูก จึงควรปรึกษาสัตวแพทย์

          2. หู ใบหูสุนัขบางแก้วจะมีขนยาวปกคลุมอยู่ ควรตรวจดูรูหูบ่อยๆ ถ้าเราดูหูจะพบว่าผิวหนังจะมีสีชมพูแดงๆ มีขี้หูเหลืองๆน้ำตาลๆเป็นมันข้นๆ อยู่ การทำความสะอาดใช้ผ้าหรือสำลีเช็ดใบหูด้านในและรูหูด้านนอกก็พอสิ่งที่พบผิดปกติของหูคือ มีกลิ่นเหม็น มีน้ำหนองไหลออกมาแสดงว่าหูอักเสบต้องไปหาสัตวแพทย์รักษา สุนัขแสดงอาการคันในรูหู โดยเอาขาหลังยกขึ้นมาเกาที่ใบหู ถ้าตรวจในรูหูพบตัวเห็บให้จับออกจนหมด แล้วใช้แป้งฝุ่นกนหมัดเห็บสุนัขเคาะใส่เล็กน้อย ถ้าสุนัขสลัดหัวบ่อยๆ ก็ควรตรวจรูหูให้ดีหรือใบหูด้วย ใบหูด้านนอกอาจระคายเคืองจนห้อเลือด บวมเป่งให้เห็นต้องรีบไปหาสัตวแพทย์ ทำการเจาะเอาน้ำเลือดออก

          3. ตา ตาสุนัขบางแก้ว เมื่อดูแล้วจะสดใส ไม่ค่อยพบสุนัขบางแก้วเป็นโรคเกี่ยวกับตา เหมือนสุนัขพันธุ์อื่นๆ เช่น ตาแดง หนังตาบวม เป็นต้น จะพบบาดแผลที่หนังตาในสุนัขบางแก้วที่ดุหรือชอบกัดกัน แต่ถ้าพบขี้ตาแสดงว่าร่างกายสุนัขไม่สมบูรณ์ ส่วนใหญ่แล้วจะบอกกันว่าให้ไปถ่ายพยาธิอันที่จริงแล้วเราควรเก็บอุจจาระสุนัขใส่ตลับไปให้สัตวแพทย์ตรวจหาไข่พยาธิจะได้ถ่ายยาให้ถูกต้องกับชนิดของพยาธิดีกว่าถ้าหากพบอาการที่ผิดปกติเกี่ยวกับตา ควรรีบปรึกษาแพทย์เช่นกัน

          4. จมูก โดยปกติจมูกสุนัขบางแก้วจะมีสีดำ ปลายจมูกจะชื้นเป็นมันจับดูจะรู้สึกเย็น ถ้าหากเห็นปลายจมูกแห้ง แสดงว่าสุนัขไม่ค่อยสบายอาจจะเป็นไข้ ควรไปหาสัตวแพทย์เมื่อหาสาเหตุของการป่วย จะพบได้บ่อยที่สุนัขบางแก้วมีอาการบวมที่รอบๆ จมูก หรือปาก เนื่องจากสุนัขบางแก้วชอบล่าสัตว์ บางครั้งไปเล่นกับคางคกยางตามตัวคางคกจะทำให้เกิดระคายเคืองที่จมูก และปากทำให้บวมได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ ให้รีบไปหาสัตวแพทย์รักษา

          5. ปากและฟัน โดยปกติริมขอบปากสุนัขจะเป็นสีดำ ฟันขาวสะอาด ฟันบนกับฟันล่างจะขบกันพอดีๆ การตรวจสอบปากสุนัขจำเป็นต้องดูเป็นประจำหากพบว่าสุนัขมีกลิ่นปาก หรือปากเหม็น ยิ่งต้องตรวจให้ละเอียด อาจจะพบว่าสุนัขที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ด เศษอาหารจะติดตามร่องฟันทำให้ปากเหม็นได้ หรืออาจจะพบว่ามีแคลเซียมพอกรอบฟันก็ได้ ต้องให้สัตว์แพทย์ทำการขูดแคลเซียมให้ ในสุนัขเล็กจะพบว่าบางครั้งฟันน้ำนมหลุดยาก ต้องให้ลูกสุนัขแทะกระดูก หรือกระดูกเทียมก็ได้จะช่วยให้ฟันน้ำนมหลุดได้ สุนัขบางแก้วเป็นสุนัขที่มีฟันแข็งแรงแหลมคม มีความดุ ชอบกัดคน เจ้าของบางคนชอบให้   สัตวแพทย์ตัดเขี้ยวให้ทั้งสี่เขี้ยวให้เสมอๆ กับฟัน เพื่อให้กัดคนไม่เข้า การตัดฟันที่ไม่ระวังถ้าเป็นสุนัขที่โตแล้วอายุมากจำเป็นต้องตัดลึก จะทำให้สุนัขเกิดการเสียวฟัน เกิดการเขี้ยวผุได้ การตัดควรตัดเฉพาะปลายๆ เท่านั้น

          6.  เล็บและนิ้วเท้า โดยปกติสุนัขบางแก้วชอบวิ่งเล่น ชอบขุดดิน บางท่านบอกสุนัขบางแก้วฝนเล็บ โดยนิสัยอย่างนี้ สุนัขบางแก้วเล็บจะไม่ยาว แต่ถ้าเราเลี้ยงสุนัขบางแก้วขังมากเกินไป ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นเล็บจะยาว ควรตัดเล็บให้เล็บจะทำให้สุนัขเดินได้ดี และควรเปิดดูระหว่างนิ้วเท้าว่ามีหมัดเห็บชอบมาหลบอยู่ระหว่างซอกนี้ ตรวจดูอุ้งเท้าด้วย เพราะว่าความซนของสุนัขบางแก้วอาจทำให้เกิดบาดแผลได้ การตัดเล็บควรซื้อกรรไกรตัดเล็บสุนัขโดยเฉพาะและควรตัดไม่ให้ลึกเกิดไปจนติดเนื้อหรือเรียกว่าควรตัดลบความคมของเล็บก็ได้

          7. อวัยวะเพศ จำเป็นต้องตรวจดูเครื่องเพศของสุนัขเราเป็นประจำในตัวผู้นั้นเราจะพบว่ามีน้ำเมือกข้นเป็นครีมสีขาวปนเหลือง ติดที่ปลายอวัยวะเพศประจำ อย่าเข้าใจผิดคิดว่าสุนัขจะเป็นโรคผู้หญิงที่เราชอบล้อกัน นี่เป็นลักษณะปกติของสุนัขตัวผู้ ในเพศเมียนั้นถ้าเครื่องเพศบวมและมีน้ำเลือดออกมาแสดงว่าสุนัขเป็นสัด จะพบว่ามีสุนัขตัวผู้มาติดพันและถ้าเราขังไว้ตัวเมียเป็นสัด จะมีอาการร้องเรียกหาตัวผู้ด้วย โรคที่สำคัญพบในบ้านเราถ้าเป็นสุนัขที่เดินในท้องถนนคือ เนื้องอกที่อวัยวะเพศเป็นทั้งตัวผู้และตัวเมีย ให้สังเกตอาการระยะต้นๆ จะพบว่ามีน้ำเลือดใสๆ หยดบนพื้นบ้านให้เราเห็นผิดสังเกต ถ้าจับดูอวัยวะเพศผู้จะพบมีอาการบวมๆ เมื่อเราปลิ้นดูอาจพบว่ามีก้อนเนื้อรอบๆ ที่เครื่องเพศ ในตัวเมียก็เช่นกัน ถ้าพบน้ำเลือดหยดตามพื้นบ้าน โดยสุนัขไม่อยู่ระหว่างเป็นสัด ก็ควรเปิดดูเนื้องอกที่อวัยวะเพศหรือให้สัตวแพทย์ตรวจ เนื้องอกนี้มีการติดต่อระหว่างเพศผู้และเพศเมียในการผสมพันธุ์กัน จึงต้องระวังในการปล่อยสุนัขออกไปตามถนนอาจติดโรคนี้มาได้เช่นกันเนื้องอกนี้ทางสัตวแพทย์จะรักษาได้สองวิธีได้ สองวิธีก็คือการจี้เอาออกหรือฉีดยารักษาโรคมะเร็ง โดยนำสารที่ใช้ในคน นำมาใช้กับโรคเนื้องอก
          8. การตรวจอุจจาระ  ปกติสุนัขทุกตัวจะถ่ายออกมามีลักษณะแข็ง ถ้าหากเราพบว่าอุจาระเหลวต้องดูว่าเราได้อาหารอะไรกิน การอุจาระเหลวจะขึ้นกับอาหารได้ แต่ถ้าอุจาระเหลวประจำ บางครั้งไม่ถ่ายเป็นน้ำ จะเรียกว่าผิดปกติได้ โดยเกิดจาก การมีพยาธิในลำไส้เป็นส่วนใหญ่ ผู้เลี้ยงควรเก็บอุจาระใหม่ๆ ใส่ตลับแล้วนำมาส่งให้สัตวแพทย์ควรหาไข่พยาธิจะได้ทราบชนิดของไข่พยาธิที่สำคัญๆ มี 2 ชนิด คือ พยาธิตัวกลม และพยาธิปากขอในลูกสุนัขจะพบได้ทั้ง 2 ชนิด ส่วนสุนัขมีอายุแล้วจะพบพยาธิปากขอเป็นส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้พยาธิตัวตืดพบได้น้อย เราจึงค่อยถ่ายพยาธิปีละ 2-3 ครั้ง และควรนำอุจาระไปให้สัตวแพทย์ตรวจก่อนแล้วจึงรีบมาถ่ายพยาธิการซื้อยามาถ่ายเองอาจไม่ตรงกับชนิดของพยาธิได้และบางครั้งเราให้ขยาดยาไม่พอพยาธิก็ไม่ออกหรืออกไม่หมดการตัดเลือกลูกสุนัข


          ลูกสุนัขบางแก้วเมื่อเกิดมาแล้วต้องให้แม่เลี้ยงอยู่ไม่ต่ำกว่า 45 วัน จึงขายออกไปหรือพรากลูกสุนัขให้ผู้อื่นเลี้ยง เราต้องสังเกตลูกสุนัขที่เราเลี้ยงอยู่ในคอกหนึ่ง เช่น ลูกสุนัขเกิดมามี 6 ตัว เราต้องสังเกตทุกตัวและต้องดูว่าเราเลี้ยงไว้ทำพันธุ์กี่ตัวเป็นเพศผู้หรือเพศเมียโดยให้คอยดูไปเรื่อยๆ และให้สังเกตดังนี้
          1. ใบหน้าให้ดูตรงๆ และให้สังเกตดูจมูก ต้องมีสีดำและมีสีดำรอบขอบปากทั้งสองข้าง  สีของใบหน้าต้องสมดุลกันทั้งสองข้าง ซ้ายและขวาปกติแล้วจะดูสีน้ำตาลหรือสีดำบนใบหน้าต้องเท่ากันทั้งซีกซ้ายและขวา เราต้องคัดไว้ก่อน ดูฟัน ตรวจดูฟัน โดยขากรรไกรล่างและบนต้องขบกันพอดี จึงจะเป็นลักษณะขากรรไกรที่ถูกต้อง ดูใบหูโยปกติแล้ว สุนัขบางแก้วจะเป็นสุนัขหูเล็ก เป็นรูปสามเหลี่ยมดั้งป้องไปข้างหน้า เราต้องคอยสังเกตดูลูกสุนัขว่าหูตั้งเมื่อไร หูตั้งยากไหม ถ้าเป็นสุนัขหูใหญ่ใบหูจะตั้งช้าตัวอื่นใบหูตั้งหมดแล้ว ตัวไหนหูใหญ่จะยังไม่ตั้ง บางตัวต้องคอยตามหูให้ตั้ง ลักษณะใบหูตั้งช้าไม่ควรคัดไว้ทำพันธุ์ จึงควรจะคัดสุนัขหูตั้งไว้เท่านั้น

          2. นิ้วต้องครบ คือ ขาหน้าจะมีนิ้วเท้าข้างละ 5 นิ้ว ขาหลังมีข้างละ 4 นิ้ว ถ้าขาหน้ามี 5 นิ้ว และขาหลัง 5 นิ้ว เขาเรียกว่าสุนัข 10 นิ้ว ให้คัดออก ไม่ใช้ทำพันธุ์ แต่คนไทยโบราณบอกว่าสุนัข 10 นิ้วดีให้เลี้ยงไว้ ในเรื่องนี้เราไม่เชื่อเลย  ถ้าเราจะเลี้ยงไว้ทำพันธุ์หรือเลี้ยงเข้าประกวด เป็นกติกาสากลเลยว่า ถ้าหากมีนิ้วเกินให้คัดออก และสุนัขนิ้วเกินนี้จะถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ จึงเลี้ยงไว้ทำพันธุ์ไม่ได้
          3. หัวนม  ถ้าจะเลือกตัวเมียไว้เลี้ยง หรือเข้าประกวดต้องดู หัวนมทั้งสองข้างต้องได้ระเบียบ ระยะห่างหัวนมแต่ละหัวต้องเท่ากัน และหัวนมทั้งสองแถวซ้ายและขวาต้องตรงกัน และต้องมี 3 คู่ขึ้นไป โดยปกติจะมี 3-4 คู่ ถ้ามี 5 คู่ยิ่งดี โดยปกติแม่สุนัขจะให้ลูกออกมาเท่ากับจำนวนหัวนม คือ ถ้ามีหัวนม 3 คู่ ต้องให้ลูกไม่เกิน 6 ตัว ดังนั้นถ้ามีหัวนมมากยิ่งดี และต้องเป็นคู่เป็นคี่ไม่ดี เพราะถ้ามีข้างหนึ่งมี 4 หัว อย่างนี้หัวนมจะไม่ตรงกัน

          4. สีตามลำตัว ขณะที่เราเลี้ยงลูกสุนัข เราต้องดูสีลูกสุนัขไปด้วย จะเลี้ยงสีขาว-น้ำตาล หรือขาว-ดำ ก็ได้ เราต้องสังเกตดูสีขาว บนลำตัวทั้งสองข้างว่าสีขาวต้องมีมากไม่เกิน 50%  หมายความว่า สีขาว-น้ำตาล

ที่มา

นิสิต  ตั้งตระการพงษ์.  (2533).  หมาบางแก้ว. พิมพ์ครั้งที่ 2.  พิษณุโลก : โรงพิมพ์ตระกูลไทย.
นิสิต  ตั้งตระการพงษ์.  (2546).  หมาบางแก้ว  สัตว์คู่บ้านเมืองสองแคว.  พิษณุโลก :
          โรงพิมพ์ตระกูลไทย.
สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก.  (2548). สุนัขบางแก้ว OTOP มีชีวิตเมืองสองแคว.  พิษณุโลก :
          สำนักงาน.
สมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข(ประเทศไทย). (2565). สุนัขไทยบางแก้ว. https://kathailand.org/thaibangkaew/